สงคร ามพราก 40 กว่าปี แม้แต่งงาน 2 ครั้ง ขอเป็นเธอคนเดิม
สงคร ามพรากลูกเ มีย 40 กว่าปี แม้แต่งงาน 2 ครั้ง ขอเป็นเธอคนเดิม
วันที่ 1 ตุลาคม 2565 เว็บไซต์ sohu มีรายงานเรื่องราวรักแท้ของชายคนหนึ่ง ที่โชคชะตาเล่นตลกให้ต้องพลัดพรากจากภรรย าที่เพิ่งแต่งงานกันไม่กี่ปี แถมยังไม่มีโอกาสแม้แต่จะเห็นหน้าลูกชาย
แต่ด้วยความรักมั่นคงทำให้เขายังคงเฝ้ารอเธอไม่แต่งงานใหม่แม้เวลาผ่านไปนาน 42 ปี จนในที่สุดก็ได้รับโอกาสเริ่มต้นใหม่กับภรรย าที่รักอีกครั้ง แม้เข้าสู่ช่วงบั้นปลายชีวิต
ย้อนไปในปี 2485 กงต้าไฉ ชายหนุ่มวัย 18 ปี จากเมืองซ่งจื่อ มณฑลหูเป่ย์ ประเทศจีน ได้เข้าพิธีแต่งงานกับ สวีเฟิ่งฉือ สาวสวยวัย 18 ปี ที่เป็นหวานใจวัยเด็กของเขา ทั้งคู่เป็นเพื่อนเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เล็ก ก่อนจะได้จูงมือสร้างครอบครัวร่วมกัน ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น
ทั้ง 2 ครอบครัวต่างก็สนิทสนมกันดี คู่สามีภรรย าต่างทำงานหนักเพื่อให้มีชีวิตที่ดีขึ้น
แต่หลังจากนั้นประเทศเข้าสู่ช่วงสงคร ามกลางเมือง ฝั่งก๊กมินตั๋งได้มายังเมืองของคู่รักและจับหนุ่มฉกรรจ์ไปเป็นทหาร
กงต้าไฉมีพี่น้อง 5 คน ซึ่งคนอื่น ๆ ต่างก็ถูกจั บไปหมดแล้ว เหลือเพียงเขาที่เพิ่งแต่งงานและไม่อยากร่วมสงครา ม จึงต้องใช้ชีวิตหลบ ๆ ซ่อน ๆ เป็นเวลานานหลายปี
สงคร ามพลัดพราก หลังภรรย าเพิ่งตั้งครรภ์
เหมือนชะตาเล่นตลก ในปี 2491 สวีเฟิ่งฉือเพิ่งตั้งครรภ์ลูกคนแรก แต่กงต้าไฉกลับถูกคนของก๊กมินตั๋งจั บได้ และบังคับให้เป็นทหาร เข้าสู่ ส ม รภูมิเ ดือดที่ไม่อาจทราบชะตากร รม ทำให้ภรรย าที่ทราบข่าวร้องไห้หนักอยู่นาน แต่เนื่องจากตอนนี้เธอไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวแล้ว จึงต้องพย าย ามใช้ชีวิตต่อไปเพื่อลูกน้อย
ในขณะที่ยังเฝ้ารอสามีให้กลับมาจากสงคร าม ถ้อยคำสุดท้ายที่กงต้าไฉได้มีโอกาสบอกภรรย า คือให้เธอรอเขากลับมา และย้ำว่าเขาจะต้องมีชีวิตรอดกลับมาหาเธอกับลูกอย่างแน่นอน
หลังสามีถูกส่งตัวไปร่วมสงครา ม ในปีนั้นสวีเฟิ่งฉือก็คลอดบุตรชายชื่อ กงไท่หวัง ซึ่งเมื่อเธอได้มีโอกาสเจอคนที่รู้จักกับสามีในกองทัพ ก็ได้เขียนจดหมายพร้อมแนบภาพของตัวเองกับลูกชายส่งไปให้สามี จนกลายมาเป็นสมบัติล้ำค่าที่กงต้าไฉเก็บไว้อย่างดี และมักจะเหม่อมองอยู่นานเมื่อคิดถึงครอบครัว
อย่างไรก็ตาม ต่อมาในตอนที่สงคร ามสิ้นสุดลง กองทัพฝั่งก๊กมินตั๋งต้องถอยหนีไปตั้งหลักที่ไต้หวัน กงต้าไฉก็เป็นหนึ่งในคนที่ต้องติดตามกองทัพไปด้วย และไม่มีโอกาสติดต่อกับครอบครัวที่จีนแผ่นดินใหญ่อีกเลย
เวลาผ่านไปเนิ่นนานหลายปี เพื่อน ๆ ที่ร่วมกองทัพต่างก็ตั้งรกรากใหม่ สร้างครอบครัวใหม่ที่ไต้หวัน แต่สำหรับกงต้าไฉ เขายังเฝ้ารอคืนวันจะได้กลับไปหาลูกและภรรย าอยู่เสมอ ไม่ว่าคนรอบตัวจะโน้มน้าวให้เขาสร้างครอบครัวใหม่ยังไง หรือพาสาวสวยแค่ไหนมาแนะนำ กงต้าไฉก็ปฏิเสธ เพราะเขามีหญิงในดวงใจเพียงหนึ่งเดียว
จากนั้นเมื่อความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ดินแดนดีขึ้น กงต้าไฉก็พย าย ามเขียนจดหมายหาครอบครัวและลูกชาย แต่ไม่ว่าจะส่งจดหมายไปกี่สิบฉบับ ก็ไม่เคยถึงมือผู้รับ ที่เป็นเช่นนั้นแท้จริง ๆ แล้วลูกชายของเขาได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น กงกวงซู่ ทำให้ไม่สามารถติดต่อได้
แต่เช่นเดียวกับกงต้าไฉที่พย าย ามตามหาลูกชาย ฝ่ายลูกชายก็พย าย ามสืบหาข้อมูลของพ่อเช่นกัน
กระทั่งในปี 2530 กงกวงซู่ก็ได้ทำประกาศตามหาพ่อที่หายไป จนมีรายงานข่าวในไต้หวัน ทำให้สุดท้ายพ่อลูกก็สามารถส่งจดหมายติดต่อกันได้ในปีต่อมา
ข้อความในจดหมายของพ่อลูก นอกจากไถ่ถามส ารทุ กข์สุกดิ บ บอกเล่าเรื่องทางบ้านและเรื่องที่พ่อมีหลานแล้ว กงกวงซู่ก็ยังบอกว่า แม่ของเขายังคงรอพ่อกลับมา เพียงสิ่งเดียวที่เขาไม่กล้าบอกพ่อก็จริงความจริงที่ว่า สวีเฟิ่งฉือ แม่ของเขา แต่งงานใหม่แล้ว
แท้จริงแล้วหลังจากที่กงต้าไฉถูกเกณฑ์ไปร่วมสงคร าม สวีเฟิ่งฉือกับลูกต้องเผชิญช่วงเวลาอันบากลำบาก ถูกชาวบ้านตราหน้าว่าเป็นครอบครัวของทหารก๊กมินตั๋ง จนเธอต้องหอบลูกย้ายไปอยู่บ้านแม่
ในขณะที่ญาติ ๆ ก็พย าย ามโน้มน้าวเธอให้แต่งงานใหม่ เพราะเชื่ อว่ากงต้าไฉไม่น่าจะรอดชีวิตจากสงคร า ม
สวีเฟิ่งฉือ ยังคงยึดมั่นใจคำสัญญา วันแล้ววันเล่าที่เธอปฏิเสธผู้ชายคนอื่น ๆ ที่เข้ามาหา อดทนรอคอยสามีอยู่นานหลายปีแม้จะไม่ได้ข่าวคราวอะไรของเขาเลย แต่ท้ายที่สุดในปี 2495 เธอก็จำต้องยอมแต่งงานใหม่ เพราะทนเห็นลูกชายที่ทนลำบาก ใช้ชีวิตอย่างหิวโหยไม่ไหวอีกแล้ว
สามีใหม่ของสวีเฟิ่งฉือ คือ ยางเจียนเฉียน เขาเป็นสุภาพบุรุษที่ยอมรับเธอได้ทุกอย่าง ยินดีจะสร้างครอบครัวและดูแลลูกชายของเธออย่างดี แม้ตอนแรกเธอจะไม่ได้รักเขา แต่ความดีของเขาก็ทำให้เธอตื้นตัน กระทั่งในที่สุดสวีเฟิ่งฉือก็มีลูกกับสามีใหม่อีก 5 คน
แม้จะมีลูกคนอื่น ๆ แต่ยางเจียนเฉียนยังคงดูแลลูกชายคนโตของภรรย าเป็นอย่างดี นับจากนั้นกงกวงซู่ไม่เคยต้องทนหิว ไม่เคยต้องสวมเสื้อผ้าขาด ๆ ในขณะที่น้อง ๆ มักจะสวมเสื้อผ้าเก่าที่เขาเคยใช้เสมอ แม้แต่ค่าเล่าเรียนก็ได้พ่อเลี้ยงเป็นคนส่งเสีย นับเป็นผู้มีพระคุณไม่แพ้พ่อแท้ ๆ
กระทั่งวันที่ 28 เมษายน 2532 ในที่สุดกงต้าไฉก็ได้เดินทางกลับมายังบ้านเกิดอีกครั้ง พ่อลูกที่เพิ่งได้เจอหน้ากันครั้งแรกตรงเข้าสวมกอดกันทั้งน้ำตา จากนั้นกงต้าไฉก็ถามว่า “เฟิ่งฉืออยู่ไหน เฟิ่งฉือของฉันอยู่ที่ไหน”
ตอนนั้นหลายคนมองหน้ากัน ลังเลที่จะพูดความจริง ขณะที่ลูกชายของเขาเงียบไปสักพักก่อนจะบอกว่า แม่จะตามมาหาหลังจากนี้ ซึ่งแม้ขณะนั้นกงต้าไฉจะสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างผิ ดแ ปลก แต่เขาก็ไม่กล้าถาม
ในที่สุดเย็นวันนั้นกงต้าไฉก็ได้เจอหวานใจของเขาอีกครั้ง เธอไม่ใช่สาวน้อยแสนสวยแบบวันวาน กลายเป็นหญิงชราที่ต้องใช้ไม้เท้ าพยุงกายตอนเดิน แต่ก็ยังคงเป็นหญิงในดวงใจเขาไม่เปลี่ยนไป กงต้าไฉตรงเข้าไปกอดเธอแน่นด้วยความตื่นเต้น พูดจาตะกุกตะกักอย่างไม่รู้จะสื่อความรู้สึกอย่างไร ในขณะที่ฝ่ายภรรย าไม่อาจกล่าวคำพูดอะไรได้ เพราะเธอแต่งงานใหม่แล้ว
ทั้งนี้ เมื่อได้ทราบความจริง กงต้าไฉ ก็เป็นฝ่ายโค้งคำนับให้ ยางเจียนเฉียน ด้วยความขอบคุณที่ชายคนนี้คอยดูแลลูกกับภรรย าของเขามาเนิ่นนานหลายปี จากนั้นเขายังมอบผ้าขนแกะอย่างดีให้ รวมถึงนำเครื่องประดับที่ซื้อมาให้สวีเฟิ่งฉือ และบอกเธอให้ดูแลตัวเองดี ๆ
กงต้าไฉ เลือกที่จะเป็นฝ่ายจากไปเพื่อทุก ๆ คน เนื่องจากภรรย ามีครอบครัวใหม่แล้ว แม้เขาจะเ ศร้าโศ กแต่ก็ไม่อยากทำให้ทุกคนลำบ ากใจ และไม่คิดที่จะบังคับภรรย าให้กลับมาหาตนเอง
แต่ใครจะคิดว่าไม่กี่ปีจากนั้น ยางเจียนเฉียนก็ล้มป่ วยจนเสียชีวิต ซึ่งเมื่อจัดงานศ พเสร็จ ลูก ๆ ทุกคนก็ตกลงใจกันว่าจะเชิญให้กงต้าไฉกลับมาใช้ชีวิตคู่กับแม่ของพวกเขาอีกครั้ง
กงต้าไฉยังคงเป็นชายผู้แสนดี เขาตอบรับคำเชิญนั้นแต่ก็ไม่ได้เร่งร้อน ให้เวลาหญิงคนรักได้ไว้ทุ ก ข์แ ก่สามี 3 ปี จนในปี 2535 จึงกลับมายังบ้านเกิดและเข้าพิธีแต่งงานกับสวีเฟิ่งฉืออีกครั้ง นับว่าสิ้นสุดการรอคอยอันแสนเนิ่นนาน 40 กว่าปี ขณะที่ผู้คนต่างก็ชื่นชมในความรักอันมั่นคงไม่แปรเปลี่ยนของเขา
ขอบคุณข้อมูลจาก sohu