ฝึ กจิ ต ฝึ กใ จ แบ บฉบั บของค นอยู่เ ป็ น
ฝึ กจิ ต ฝึ กใ จ แบ บฉบั บของค นอยู่เ ป็ น
1 ควบคุมความโกรธ
หากเราให้ความโกรธซึ่งพลังการผลักไสทำงาน เราก็จะรู้สึกกระวนกระวายใจ แล้วภายในร่ า งกายก็จะเต็มไปด้วยสารพิ ษ กลายเป็นแหล่งที่จะดึงเอาความทุกข์ทั้งหมดที่มีเข้ามา กล่าวได้ว่าความโกรธนี้แหละที่เป็นกิเลสตัวแรกเลยที่ควร ร ะวังและควรขจัดออกไปจากเรา
2 มองให้เห็นความเป็นจริง
เมื่อพลังที่จะทำให้ความหลงทำงานเกิ ดขึ้น จิตจะออกห่างจาก “ขณะปัจจุบัน” แล้วกระจัดกระจายไปที่โน่นที่นี่ และกลายเป็นแหล่งเพาะความโลภและความโกรธ
การจะจับเอาชั่ วขณะที่พลังงานนี้เกิ ดขึ้นเอาไว้ได้นั้นจำเป็นจะต้องมีความใส่ใจที่ละเอียดมาก หากเรารู้ตัวแล้วป้องกันเอาไว้ได้ จิตที่มีความสงบเป็นปกติ ไม่สั่นไหว และแจ่มชัดก็จะเติบโตขึ้น
3 ฝึกจิต ควบคุมความอย า ก
หากเราให้แรงดึงดูดที่เป็นความโลภทำงาน จิตจะปั่นป่วน และแรงใจในการทำงานก็จะหยุดชะงักลงสิ่งสำคัญในการฝึกจิต คือ การเข้าใจถึงเหตุและผลนั้นแล้วตั้งใจตรวจดูจิตให้ได้มากเท่าที่จะทำได้ เพื่อไม่ให้ความโลภบุกรุกเข้ามาได้
4 ไม่โกหก
การโกหกนั้น เกือบทั้งหมดเป็นไปเพื่อการทำให้ความต้องการของตนเองบรรลุผล ดั งนั้uเมื่อโกหกแล้วพลังงานที่เป็นความต้องการก็จะถูกกระตุ้นและมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น หากเราโกหกแล้วครั้งหนึ่ง
ก็จะต้องโกหกซ้ำอีกในครั้งต่อไปเพื่อไม่ให้ความจริงถูกเปิดเผย และในแต่ละครั้งที่โกหก สิ่งที่ผิดไปจากความเป็นจริงก็จะถูกใส่ลงไปในจิตใต้สำนึกทุกครั้ง เมื่อทำซ้ำ ซ้ำ
จิตจะยิ่งสับสนวุ่นวายยิ่งขึ้น ทำให้ความสามารถในการควบคุมตนเองลดน้อยลง สูญเสียสมาธิและความสามารถในการ ตั ดสินใจไปทีละนิด
5 ไม่วิพากษ์วิจารณ์
เมื่อเรามีการวิพากษ์วิจารณ์ “ทิฏฐิ” ซึ่งเป็นการยึดติดกับความคิดของตนก็จะถูกกระตุ้น และพลังงานความโลภที่บอกว่า “ฉัน ฉัน” ก็จะเพิ่มขึ้น และเนื่องจากมีความรู้สึกที่เป็นการโจมตีฝ่ายตรงข้ามเข้ามาร่วมด้วย พลังงานความโกรธก็จึงเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน
การพูดเ รื่ อ งที่ไม่ดีหรือเขียนสิ่งที่ไม่ดีเกี่ยวกับสิ่งที่ตนเองรู้สึกไม่พอใจ ภาพยนตร์ที่คิดว่าน่าเ บื่ อ เพลงหรือหนังสือที่ไม่ชอบ เป็นต้น เป็นเ รื่ อ งที่พบได้บ่อยบนโลกใบนี้ แต่นั่นเป็นเพียงการกระทำที่ทำให้ตัวเราแปดเปื้อนและดูน่ารังเกียจด้วยความโลภและความโกรธ
6 ไม่นิ น ท า
หากเรานิ น ท าใครสักคนที่ไม่อยู่ในสถานที่นั้น จิตก็จะปั่นป่วนด้วยพลังงานความโกรธ แทนที่จะเป็นการระบายความเครี ยด แต่กลับกลายเป็นการทำให้ความเครี ยดที่ซ่อนตัวอยู่เพิ่มปริมาณมากขึ้น
อีกทั้ง เมื่อมองจากแง่ของการประมวลผลข้อมูลของจิตแล้ว การที่เราจำเป็นต้องพูดเ รื่ อ งที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงเมื่อมีอีกฝ่ายอยู่ด้วยนั้น มีความเชื่ อมโยงกับการเพิ่มขึ้นของพลังงานความหลงซึ่งเกิ ดจากความสับสนวุ่นวายของห่วงโ ซ่ข้อมูล
7 ไม่พูดเ รื่ อ งที่ไม่มีประโยชน์
การพูดเ รื่ อ งที่ไม่มีประโยชน์ โดยเฉพาะการพูดโอ้อวดตนนั้น แม้ว่าฝ่ายที่พูดจะรู้สึกสนุก แต่ฝ่ายที่ฟังมักจะรู้สึกทຮมานเมื่อเราเล่าเ รื่ อ งที่ไม่มีประโยชน์ เรามักพูดไปเรื่อย เปรื่อย โดยไม่คำนึงถึงว่า ในบทสนทนานี้เราจำเป็นต้องถ่ายทอดอะไรออกไป หรืออีกฝ่ายได้ฟังเ รื่ อ งแบบใดจึงจะรู้สึกสนุก
แหล่งข้อมูล herbtrick