ร้านอาหารอ่านด่ วน ปล่อยสินเ ชื่อดอกเบี้ ยถูก
ร้านอาหารอ่านด่ วน ปล่อยสินเ ชื่อดอกเบี้ ยถูก
“พาณิชย์” ช่วยร้านอาหารสู้วิกฤ ติโควิ ด นัดธนาคาร เจรจาจับคู่ ปล่อยสินเชื่ อดอกเบี้ ยพิเศ ษ 7-20 มิถุนายน นี้ สนใ จศึกษาข้อมูล เตรียมเอกส ารให้พร้อมก่อนยื่น
นายบุณยฤทธิ์ กัลย าณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตามที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มอบหมายให้ดำเนินการช่วยเหลือ ผู้ประกอบการร้านอาหาร ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิ ด
ขณะนี้ กระทรวงพาณิชย์ ได้ประสานสถาบันการเงิน จัดแคมเปญเฉพาะกิจ เพื่อปล่อยสินเชื่ ออัตราดอกเบี้ ยพิเศษให้แ ก่ผู้ประกอบการร้านอาหาร ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล
ทั้งนี้ ได้รับความร่วมมือจากบรรษัท ประกันสินเชื่ ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) และสถาบันการเงินของรัฐ เช่น ธนาคารกรุงไทย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารออมสิน ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME D Bank) เข้ามาช่วยเหลือ เพื่อลดผลกระทบ และช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงแหล่งสินเชื่ อได้ง่ายมากขึ้นแล้ว
สำหรับแคมเปญพิเศษดังกล่าว ประกอบด้วย 2 กิจกร รม ได้แ ก่
1. การจัดสัมมนาออนไลน์ เป็นการให้ความรู้ผู้ประกอบการ เพื่อเตรียมตัวให้พร้อม ก่อนขอสินเชื่ อจากสถาบันการเงิน โดยกิจกร รมนี้ ได้จัดไปแล้วในวันที่ 1 และ 2 มิถุนายน 2564 และจะมีอีกครั้งวันที่ 4 มิถุนายน 2564 ผ่านทาง Facebook Group บสย. และสามารถรับชมย้อนหลังได้
2. กิจกรรม Matching เป็นการเจรจาขอสินเชื่ อ พร้อมยื่นเอกส ารตามเงื่อนไขของแต่ละสถาบันการเงิน โดยกิจก รรมจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 7-20 มิถุนายน 2564 ณ ห้องบุรฉัตรไชยากร กระทรวงพาณิชย์ สนามบินน้ำ ระหว่างเวลา 09.00-16.30 น.
ผู้ประกอบการร้านอาหารที่สนใ จเข้าร่วมแคมเปญพิเศษนี้ ต้องเตรียมตัวให้พร้อม ก่อนยื่นเอกส ารประกอบการขอสินเชื่ อ เนื่องจากสถาบันการเงินจะมีเงื่อนไขที่คล้ายคลึงกัน และมีสินเชื่ อหลากหลายประเภท ซึ่งสินเชื่ อแต่ละประเภท จะมีความเหมาะสมกับผู้ประกอบการแต่ละรายที่ไ ม่เหมือนกัน จึงต้องศึกษารายละเอี ยด เตรียมความพร้อม และขอรับคำปรึกษาการขอสินเ ชื่อจากสถาบันการเงิน ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้โดยสะดวกมากขึ้น
ปัจจุบัน ข้อมูล ณ วันที่ 30 พฤษภาคม 2564 ประเทศไทย มีผู้ประกอบการร้านอาหารในระบบทั้งสิ้น จำนวน 118,967 ราย แบ่งเป็น นิติบุคคล 15,967 ราย คิดเป็น 13.43% และบุคคลธรรมดา 103,000 ราย คิดเป็น 86.57%
ที่มา thebangkokinsight