ข้อคิด 5 เรื่อง หากยังรักตัวเองอ่านเถอะ เตือนสติ

ข้อคิด 5 เรื่อง หากยังรักตัวเองอ่านเถอะ เตือนสติ

1. อย่าหั กโหมทำงานหนัก จนลืมดูแลรักษาสุขภาพของตัวเอง บริษัทเขาคงไม่เสียใจ หรือเสียดาย จากการต า ยของเราอย่างแน่นอน

อย่างมากเขาก็คงส่งพวงหรีด และเงินค่าช่วยเหลือทำศ พให้ ถ้าเราทำงานจนล้มป่ว ย หรืออาจจะต้องเสี ย ชีวิต

ในอีกไม่กี่วันหลังจากนั้นบริษัทก็จะหาคนใหม่มาแทนที่เราได้ในไม่ช้า แต่การสูญเสียของเรา

มันกระทบต่อคนในครอบครัวมาก บางคนที่เป็นหัวเรือใหญ่ของครอบครัว การจากไปของเขา

กลับกลายเป็นการทิ้งภาระมากมายมหาศาลเอาไว้ให้กับครอบครัว เช่น หนี้สิน หรือการขา ดรายได้ดังนั้น

จงอย่าคิดว่า บริษัทจะตกที่นั่งลำบากถ้าไม่มีเรา คนที่ลำบากคือคนในครอบครัวของเราต่างหาก

จงอย่าหั กโหมจนต้องล้มป่วย ทำงานให้เต็มที่และดีที่สุดก็น่าจะเพียงพอแล้ว

2. อย่ากลัว อย่าหนีปัญหา หรือหนีในสิ่งที่ไม่ชอบ โบราณเขาว่าเอาไว้ “ยิ่งหนี ยิ่งเกลียด ยิ่งเจอ”

แน่นอนว่าการทำงานย่อมต้องเจอกับปัญหาและอุปสรรค ถือเป็นเรื่องปกติ คนที่หลีกเลี่ยงปัญหา

หรืออุปสรรคในตอนนี้อาจจะต้องเจอกับปัญหาหรืออุปสรรคที่ใหญ่ขึ้น ซับซ้อนมากขึ้น และย ากขึ้น

แน่นอนในวันหน้าปัญหาและอุปสรรค ที่ผ่านเข้ามา มันก็คล้าย ๆ กับเราเล่นเกม แต่เป็นเกมชีวิตที่เราต้องฝ่าฟัน

ผ่านด่านแต่ละด่านไปให้ได้ เมื่อผ่านเรื่องปัญหาเล็ก ๆ หรืออุปสรรคเล็ก ๆ ไปได้ ด่านถัดไป

เราจะมีภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้น และ จะสามารถต่อสู้กับเรื่องที่ย ากขึ้นได้อย่างสบายดังนั้น

อย่าเพิ่งหนีสิ่งที่เรากำลังเจออยู่ อาจจะมีคนอีกมากมายที่เขาผ่านมาได้แล้ว จงหาคนเหล่านั้น

ไปเรียนรู้วิธีการ และแนวทางของเข าดู จะทำให้เราหาทางผ่านพ้นปัญหา และอุปสรรคของเราไปได้ง่ายขึ้น

3. อย่ากลัวกับการเปลี่ยนแปลง ในยุคนี้ การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นทั้งในแง่บวกและแง่ลบอย่างรวดเร็วมาก

หลาย ๆ บริษัทที่เคยใหญ่โต และมั่นคงมาย าวนานกว่า 20-30 ปี กลับล้มลงไม่เป็นท่า หลายแห่งปิดตัวลงไป

ก็มีเยอะแต่ก็มีอีกหลายบริษัทเช่นกัน ที่ปรับตัว และเปลี่ยนแปลงได้ไว เช่น บางบริษัทเพิ่งจะตั้งไข่ได้ไม่กี่ปี

ก็สามารถเติบโตเคียงข้างบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีอายุกว่า 40-50 ปี ได้พวกเราก็เหมือนบริษัท

ถ้าเราเพิกเฉย เมินเฉยต่อการเปลี่ยนแปลง หรือไม่ใส่ใจที่จะพัฒนาตนเอง

ในไม่ช้าเราก็จะถูกเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอนเ พราะในแต่ละปี จำนวนพนักงานที่ถูกทดแทนโดยเครื่องจักร

และ AI มีจำนวนสูงขึ้นทุกปี และการปลดพนักงานออกมีแนวโน้มสูงขึ้นด้วยถ้าเรารอ หรือไม่กล้าที่จะเปลี่ยน

หรือไม่พัฒนาตนเอง อีกไม่นานก็คงจะถูกระบบ หรือเทคโนโลยีเข้ามาแทนที่

และในท้ายที่สุด โอกาสในการหางานทำ ก็แทบจะเป็นศูนย์

4. อย่ากังวล หรือใส่ใจกับทุกคำพูด หรือทุกสายตาของคนรอบข้างมากจนเกิน

ไป ยุคที่คนส่วนมากให้ความสำคัญกับเปลือก

มากกว่าคุณค่าที่แท้จริงของคน คนเลือกที่จะใช้ชีวิตเพื่อให้คนรอบข้างพอใจ และเห็นว่าเขาเป็นคนสำคัญ

การทำแบบนี้ จะทำให้สูญเสียความเป็นตัวของตัวเองและยังติดนิสัยสร้างภาพ หลอกลวงคนอื่นไม่พอ

ยังหลอกลวงและปิดบังความไม่มั่นใจของตนเองเอาไว้ ไม่ให้คนอื่น ๆ เห็นอีกด้วย ยิ่งทำ ยิ่งเป็นทุกข์

ยิ่งทำ ยิ่งสูญเสียตัวตนสุดท้ายไม่รู้ว่าใช้ชีวิตทุกวันนี้ เพื่อคนอื่น หรือเพื่อตัวเองกันแน่ ดังนั้น

อย่าใส่ใจกับทุกสายตา หรือคำพูดของคนอื่นมากจนเกินไป

ควรไตร่ตรองเลือกใส่ใจกับข้อเท็จจริงหรือสิ่งที่สามารถนำไปปรับปรุง และมีประโยชน์ต่อการทำงาน

หรือการดำเนินชีวิตจะดีกว่า ป่วยกายรักษาได้ ป่วยทางจิตใจ ย ากที่จะรักษา และอาจจะนำพาชีวิตพังได้

5. อย่าทำงานแค่พอผ่าน เพ ราะงานของเรา คือภาพพจน์ของเราที่คนอื่น ๆ มองเห็น มันก็ใช่ ที่ว่า บางวันเราอาจจะเหนื่อย

บางวันเราอาจจะเซ็งเจ้านาย บางวันเราอาจจะอารมณ์ไม่ดี แต่ก็ไม่ควรเอาเรื่องเหล่านั้นไปลงกับผลงานที่เรากำลังจะทำ

หรือต้องทำเพ ราะการทำงานด้วยอารมณ์ที่แปรปรวน หรืออารมณ์ที่ขุ่นมัว ยิ่งจะทำให้งานออกมาแย่

หรือเสียหายได้ ชิ้นงานแต่ละงานที่ผ่านมือเรา ไม่ว่าจะเป็นงานง่าย งานเล็ก ๆ

หรือ งานใหญ่ ๆ เราล้วนต้องใส่ใจและให้ความสำคัญกับทุกงานทั้งสิ้นเพร าะทุกชิ้นงานที่ทำโดยเรา

คนอื่นเขามองออก เขาสามารถรู้ได้ว่า เราทำด้วยความตั้งใจ และเต็มที่กับมันหรือเปล่า ภาพลักษณ์ภายนอก

แค่หน้าตาหรือการแต่งกายสำคัญก็จริง แต่ภาพลักษณ์จากผลงานที่เราทำนั้นสำคัญยิ่งกว่า

 

ใส่ความเห็น

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า